สิ่งสำคัญของระบบจ่ายไฟฟ้าที่ปลอดภัยจากไฟฟ้าดูด

วันที่ : 27/10/2015   จำนวนผู้ชม : 77,690

 

สายดินหรือสายกราวด์เป็นสายเส้นที่สามในสายไฟฟ้า โดยสายดินนี้จะมีสีเขียวหรือสีเขียวสลับเหลือง เหมือนกันทั่วโลก เรียกว่าเป็นสากลเลยทีเดียว

สายเส้นนี้ดูเผินๆ เหมือนไม่มีประโยชน์ แต่ความจริงแล้วเป็นสายที่มีความสำคัญกับชีวิตเรามาก ในสายไฟเส้นหนึ่งบางทีก็มีสายเล็กๆ อยู่ภายในสองสาย

บ้างก็สามสาย ซึ่งแต่ละสายก็มีชื่อเรียกและหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

เส้นแรกเราเรียกว่าสายไฟหรือสายไลน์ (LINE) ซึ่งสายเส้นนี้จะทำหน้าที่นำกระแสไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายภายนอกเข้าสู่ตัวบ้าน สายไฟหรือสายไลน์นี้

(มักจะเป็นสายสีดำหรือไม่ก็แดง แต่ถ้าระบบไฟของบ้านคุณมีขนาดใหญ่มาก อาจมีสีเหลืองหรือน้ำเงินด้วยก็เป็นได้) และเป็นสายเดียวที่มีกระแสไฟไหลผ่านจริง

เส้นที่สองเป็นสายศูนย์หรือสายนิวตรอน (NEWTRON) ซึ่งมักนิยมใช้สีขาวเพียงสีเดียว สายเส้นนี้จะไม่มีกระแสไฟฟ้าผ่านแต่อย่างใด

เพียงทำหน้าที่ให้เกิดการครบวงจรเท่านั้น กล่าวคือ มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านมาตามสายไฟ เข้าสู่อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วออกไปที่สายศูนย์นั่นเอง

เครื่องใช้ไฟฟ้าก็จะทำงานได้ตามปกติ แต่ถ้ากระแสไฟฟ้าไหลมาตามสายไฟแล้วไหลเข้าสายศูนย์โดยไม่ผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้าเลย อย่างนี้เรียกว่าลัดวงจร

หรือที่รู้จักกันในนาม ไฟชอร์ตนั่นเอง ผลที่ตามมาก็คือ เกิดเพลิงไหม้ครับ แบบนี้อันตรายมาก
ระบบไฟฟ้าที่มีสายไฟ 2 เส้น มักเป็นระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ส่วนอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เช่น พัดลม ตู้เย็น คอมพิวเตอร์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องปิ้งขนมปัง

ไมโครเวฟ ปั๊มน้ำ ฯลฯ จะมีสายอีกหนึ่งสายที่เรียกว่า สายดินหรือสายกราวด์ ซึ่งสายที่ 3 นี้ จะมีสีเขียวสลับกับสีเหลือง ดังที่กล่าวไว้ในตอนต้น



สายดินนี้มีไว้เพื่อป้องกันเราให้พ้นอันตรายที่เกิดจากไฟชอร์ตหรือไฟรั่ว เพราะหากเกิดไฟชอร์ตหรือไฟรั่วขณะที่เราใช้งานอุปกรณ์ชิ้นนั้นอยู่ กระแสไฟจะไหลเข้าสู่ส่วนที่เป็นโลหะ

ซึ่งถ้าเราสัมผัสโลหะนั้นอยู่ แถมที่บ้านก็ไม่ได้ติดสายดินไว้ด้วย กระแสไฟทั้งหมดก็จะไหลเข้าสู่ตัวเรา ทำให้เสียชีวิตได้ แต่ถ้าที่บ้านมีการติดตั้งสายดินไว้

กระแสไฟเหล่านั้นก็จะไหลผ่านเข้าไปที่สายดินแทน อันตรายต่างๆ ที่เกิดจากไฟชอร์ตหรือไฟรั่วก็จะไม่เกิดขึ้น ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า

สายดินทำหน้าที่เหมือนท่อน้ำล้นของอ่างล้างจานในครัวบ้านเรา ที่เมื่อเปิดน้ำจนถึงท่อน้ำล้นแล้ว น้ำก็จะไหลออกมาตามท่อนั้น

น้ำจึงไม่ล้นอ่าง สายดินนี้ตรงส่วนปลายจะถูกฝังไว้ในดินจริงๆ ด้วยการรวมสายดินจากทุกจุดต่างๆ ในบ้านมารวมตัวกันในตู้ควบคุมไฟฟ้า

และต่อสายอีกเส้นจากตู้นี้ลงสู่พื้นดิน ส่วนที่ถูกฝังไว้ในดินจะเป็นแท่งทองแดงเปลือย ไม่มีฉนวนหุ้ม ยาวประมาณ 6 ฟุต ซึ่งภายในดินจะมีความชื้นอยู่เสมอ

จึงทำให้เกิดอาการที่เรียกว่าความต้านทานไฟฟ้าต่ำ กระแสไฟจึงไม่ไหลมาทำอันตรายเรา ทีนี้พอมองเห็นประโยชน์ของสายดินบ้างหรือยังครับ


แต่ถึงจะมีการติดตั้งระบบสายดินไว้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ดีแล้ว นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า จะปลอดภัยจากไฟฟ้า 100% นะครับ เช่น

ถ้าเราใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าขณะตัวเปียกหรือพื้นบริเวณนั้นเปียกชื้น หรือปล่อยให้สายไฟขาดชำรุดก็อาจเป็นอันตรายได้

ดังนั้นจึงควรใช้ไฟฟ้าด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท ไม่ว่าจะมีสายดินหรือไม่ก็ตามครับ

ที่มา google, kapook